บริหารโครงการให้อยู่หมัด
Microsoft Project 2019
How to order...Order now...
ธีรกฤษณ์ วิจิตลิมาภรณ์ 269 บ. 320 น. 240 บ.

แจกแจงคุณสมบัติใหม่ในเวอร์ชันล่าสุด ก่อนอธิบายวิธีใช้งานตั้งแต่ขั้นพื้นฐานไปจนถึงการประยุกต์ใช้กับโครงการลักษณะต่างๆ พร้อม workshop อย่างละเอียด พ่วงด้วยไฟล์ตัวอย่างงานให้ดาวน์โหลดฟรี

ใครๆ ก็สามารถเรียนรู้และทำความเข้าใจได้ง่ายแม้ไม่มีพื้นฐานมาก่อน ครอบคลุมเนื้อหาสำคัญตั้งแต่...

  • รู้จักคุณสมบัติใหม่ใน MS-Project 2019 พร้อมเมนูคำสั่งที่จำเป็นและเครื่องมือลัด
  • สร้างปฏิทินโครงการเพื่อกำหนดตารางงาน, สร้าง Milestone เพื่อแสดงความคืบหน้าของโครงการเป็นระยะๆ, เลือกกำหนดโหมด Manual Scheduled และ Auto Scheduled เป็นต้น
  • จัดสรรทรัพยากรให้เป็นไปตามแผน และตรวจสอบการใช้ทรัพยากรให้เหมาะสม+คุ้มค่า ด้วย Resource Usage หรือ Resource Graph
  • ควบคุม+ตรวจสอบงบประมาณและค่าใช้จ่ายของโครงการ ให้เป็นไปตามแผน
  • ติดตามความคืบหน้าและประเมินผลโครงการ เพื่อช่วยให้การปฏิบัติงานมีความแม่นยำมากที่สุด
  • ป้องกัน/แก้ไข Critical Tasks และ Critical Path ซึ่งทำให้เกิดความเสี่ยงที่โครงการไม่เสร็จตามกำหนด
  • นำข้อมูลไปใช้งานกับโปรแกรมอื่นและในรูปแบบอื่น เช่น PDF รวมถึงการออกรายงานในหลากหลายรูปแบบ
  • ทำงานที่ไหนก็ได้ด้วยโปรแกรม Microsoft Project ในชุด Microsoft 365 ทั้งสร้างและแก้ไขโครงการใหม่, เพิ่มชื่องาน, เพิ่มผู้รับผิดชอบ, แก้ไขช่วงเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดของงาน นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยนมุมมองเป็นแบบ Grid, Board และ Timeline ได้ตามต้องการ

หนังสือเล่มนี้เหมาะกับใครบ้าง

  • ผู้ที่สนใจการบริหารจัดการโครงการทั้งขนาดเล็ก, ขนาดกลาง และขนาดใหญ่
  • ผู้ประกอบธุรกิจ, ผู้รับเหมา, ผู้จัดการโครงการ และผู้ที่สนใจทั่วไปที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการจัดการโครงการ
  • นักศึกษาที่ต้องการฝึกทักษะการใช้งานโปรแกรม MS-Project

ควรรู้อะไรมาบ้างก่อนอ่านหนังสือเล่มนี้

  • การใช้งานระบบ Windows อย่างน้อยก็ขั้นพื้นฐาน
  • การใช้โปรแกรม MS-Office อย่างน้อยก็ขั้นพื้นฐาน
  • ภาษาอังกฤษระดับพื้นฐานทั่วไป

ต้องมีอะไรบ้างเพื่อทำตามตัวอย่างในหนังสือ

  • เครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมระบบ Windows 10 หรือ Windows Server 2019 ก็ได้
  • โปรแกรม MS-Project 2019
  • โปรแกรม MS-Office เช่น MS-Excel, MS-PowerPoint เป็นต้น

ดาวน์โหลดไฟล์ตัวอย่างงานได้ที่ไหน

บทที่ 1 หลักการและแนวคิดการบริหารโครงการ

การจะสร้างโครงการต่างๆ ให้สำเร็จได้นั้น จะต้องเกิดจากการวางแผน การบริหาร และการจัดการในส่วนต่างๆ ซึ่งประกอบไปด้วยรายละเอียดมากมาย เช่น การวางแผนงาน, การแบ่งผู้รับผิดชอบงาน, การติดตามการทำงาน รวมไปถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายทั้งหมด เป็นต้น โดยอาจมีรายละเอียดของโครงการแตกต่างกันไป ซึ่งก่อนจะไปถึงจุดนั้น เรามาเริ่มปูพื้นฐานในการบริหารโครงการกันก่อนว่าต้องทำอย่างไรกันบ้าง

  • ปูพื้นฐานก่อนทำโครงการ
  • แนวทางการสร้างโครงการ
  • องค์ประกอบของโครงการ
  • การบริหารและจัดการโครงการ
  • คุณสมบัติของโครงการที่ดี
  • ประโยชน์ของการจัดทำโครงการ
  • วงจรชีวิตของโครงการ (Project Life Cycle)
  • ข้อแนะนำในการจัดทำโครงการ

บทที่ 2 รู้จักโปรแกรม Microsoft Project 2019

ในบทนี้จะมาแนะนำส่วนประกอบต่างๆ รวมถึงความสามารถใหม่ๆ ของโปรแกรม Microsoft Project 2019 เพื่อที่จะได้รู้จักรายละเอียดและหน้าที่ของเครื่องมือที่มีให้ใช้งาน ก่อนที่จะนำโปรแกรมไปสร้างและบริหารจัดการโครงการในลำดับต่อไป

  • แนะนำโปรแกรม Microsoft Project 2019
    • เวอร์ชันของโปรแกรม Microsoft Project 2019
    • ความต้องการของระบบ
  • คุณสมบัติใหม่ใน Microsoft Project 2019
  • ส่วนประกอบของ Microsoft Project 2019
  • ชุดเมนูคำสั่งที่จำเป็นใน Microsoft Project 2019
    • แท็บเมนู File
    • แท็บเมนู Task
    • แท็บเมนู Resource
    • แท็บเมนู Report
    • แท็บเมนู Project
    • แท็บเมนู View
    • แท็บเมนู Format
    • วิธีซ่อนแถบริบบอน (Ribbon)
  • ชุดเครื่องมือลัด Quick Access Toolbar
    • เพิ่มและลบปุ่มเครื่องมือบน Quick Access Toolbar
    • ย้ายตำแหน่ง Quick Access Toolbar

บทที่ 3 พื้นฐานการสร้างโครงการ

ในบทนี้มาเริ่มต้นการใช้เครื่องมือต่างๆ ในโปรแกรม Microsoft Project เพื่อสร้างโครงการ เช่น การเปิดโครงการ, การสร้างไฟล์โครงการใหม่, การบันทึกไฟล์, การปรับเปลี่ยนมุมมองของงาน, การตั้งค่าในโปรแกรมให้เหมาะสม รวมถึงการบันทึกไฟล์แบบต่างๆ นอกจากนี้ยังเลือกจัดเก็บไฟล์โครงการไว้บนวันไดรฟ์ (OneDrive) เพื่อแชร์หรือทำงานร่วมกันแบบออนไลน์ได้อีกด้วย

  • การเปิดโครงการ
    • การกำหนดโครงการ
    • วางแผนการดำเนินการ
  • สร้างโครงการใหม่
    • สร้างโครงการใหม่ (Blank Project)
    • สร้างโครงการใหม่ด้วยแม่แบบออนไลน์ (Online Templates)
    • ค้นหาแม่แบบออนไลน์
    • ตัวอย่างแม่แบบออนไลน์
  • ปรับตั้งค่าเครื่องมือในโครงการ
  • บันทึกไฟล์โครงการ
  • ปรับเปลี่ยนมุมมองในการนำเสนอโครงการ
    • มุมมอง Calendar
    • มุมมอง Gantt Chart
  • ปรับแต่งลักษณะการนำเสนอโครงการ
    • ติดตั้งเครื่องมือ Gantt Chart Wizard
    • ปรับแต่งลักษณะ Gantt Chart ด้วย Gantt Chart Wizard
    • ปรับเปลี่ยนรูปแบบของแกนเวลา
  • ปรับแต่งหน้าต่าง Timeline
    • ซ่อน/แสดงหน้าต่าง Timeline
    • จัดการ Timeline แบบอื่นๆ
  • จัดการไฟล์โครงการบนบริการ OneDrive
    • ล็อกอินเข้าใช้งาน Project ด้วย Microsoft Account
    • บันทึกไฟล์โครงการใน OneDrive
  • Workshop ท้ายบท
    • กำหนดโครงการวางแผนแต่งงาน
    • วางแผนการดำเนินการ
    • สร้างไฟล์
    • บันทึกไฟล์

บทที่ 4 ลงมือจัดการโครงการ

ในบทนี้จะเป็นการลงมือสร้างโครงการและจัดการกับไฟล์โครงการในลักษณะต่างๆ เช่น การสร้างปฏิทินขององค์กร, การนำปฏิทินไปใช้กับโครงการอื่น, การกำหนดเงื่อนไขการทำงาน, การกำหนดจุดแสดงความคืบหน้า และการสร้างโครงการแบบกำหนดวันเริ่มต้นหรือวันสิ้นสุด เป็นต้น

  • การเปิดโครงการ
  • สร้างปฏิทินสำหรับโครงการ
  • กำหนดตารางการทำงาน
  • กำหนดวันหยุดพิเศษ
  • กำหนดเงื่อนไขวันทำงาน (กรณีพิเศษ)
  • สร้างโครงการแบบกำหนดวันเริ่มต้น
  • กำหนดโหมด Manual Scheduled และ Auto Scheduled
  • กำหนดหน่วยเวลา
  • กำหนดจุดแสดงความคืบหน้า (Milestone)
    • สร้าง Milestone
    • สร้าง Milestone ที่มีค่ามากกว่าศูนย์
  • การเลื่อนงาน
  • เขียนโน้ตงาน
  • การคัดลอกข้อมูล
  • การย้ายงาน
  • แทรกงานใหม่
  • การลบงาน
  • ยกเลิกงานชั่วคราว
  • เพิ่มคอลัมน์ใน Task Sheet

บทที่ 5 การจัดการงานหลักและงานย่อย

หลังจากสร้างโครงการเสร็จแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการเริ่มลงรายละเอียดของงานว่ามีงานใดต้องทำเป็นประจำเพื่อให้โครงการสำเร็จ รวมถึงการแบ่งงานหลักและงานย่อยออกจากกันเพื่อให้มองเห็นภาพรวมของโครงการ นอกจากนี้ยังมีการกำหนดเลขรายการให้กับงานหลักและงานย่อยเพื่อให้มีความชัดเจนในการทำงานมากขึ้น

  • การกำหนดงานที่ต้องทำเป็นประจำ (Recurring Task)
  • การกำหนดส่วนของงานหลักและงานย่อยในโครงการ
  • การแสดง/ซ่อนงานย่อย (Subtasks)
  • วิธีการแทรกงานย่อยในงานหลัก
  • การแก้ไขงานย่อยบน Gantt Chart
  • Rollup แสดงงานหลักและงานย่อยบน Gantt Chart
  • การแสดง/ซ่อนงานหลัก (Project Summary Task)
  • การกำหนดเลขรายการหลักและรายการย่อย (Outline Number)

บทที่ 6 สร้างความสัมพันธ์ของงาน

หลังจากที่เราได้กำหนดงานหลักและงานย่อยเสร็จแล้ว สิ่งที่ต้องลงมือทำในอันดับถัดไปก็คือ ต้องมีการวางแผนให้แต่ละงานทำงานได้สอดคล้องกัน หรือสร้างความสัมพันธ์ของงานนั่นเอง เพราะหากเรากำหนดลำดับงานได้อย่างชัดเจน ว่างานใดควรทำก่อน-หลัง หรือทำไปพร้อมกันได้ ก็จะช่วยให้เราปรับความยืดหยุ่นของเวลาการทำงานได้ตามต้องการ

  • คำสำคัญที่ต้องรู้
  • การกำหนดรูปแบบของความสัมพันธ์
    • FS (Finish-to-Start)
    • SS (Start-to-Start)
    • FF (Finish-to-Finish)
    • SF (Start-to-Finish)
  • การสร้างเส้นความสัมพันธ์
    • การสร้างเส้นความสัมพันธ์ในหน้าต่าง Task Information
    • การสร้างเส้นความสัมพันธ์ด้วยการลากเมาส์
    • การสร้างเส้นความสัมพันธ์ครั้งละรายการผ่าน Predecessors
    • การสร้างเส้นความสัมพันธ์ครั้งละหลายรายการผ่าน Predecessors
  • การยกเลิกเส้นความสัมพันธ์
    • วิธีที่ 1 คลิกปุ่มเพื่อ Delete
    • วิธีที่ 2 ยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงผ่านหน้าต่าง Task Dependency
    • วิธีที่ 3 ยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงผ่านหน้าต่าง Task Information
  • การเลื่อนเวลาด้วย Lead Time และ Lag Time
    • ร่นเวลาเข้า (Lead Time)
    • เลื่อนเวลาออก (Lag Time)
  • รวมงานหลักและงานย่อยด้วย Roll up Gantt bars
  • วิธียกเลิกการใช้ Roll up Gantt bars

บทที่ 7 กำหนดเงื่อนไขให้โครงการ

นอกจากการจัดลำดับงานที่ดีจะช่วยให้งานสามารถเดินหน้าไปได้อย่างต่อเนื่องแล้ว การกำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับงานที่ทำยังช่วยให้งานเสร็จสิ้นตรงตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการได้ โดยในบทนี้เราจะได้รู้จักกับประเภทของเงื่อนไข และการแบ่งกลุ่มงานด้วยเงื่อนไขในแบบต่างๆ ด้วย

  • กำหนดประเภทเงื่อนไขของงาน (Task Constraint)
  • กำหนด Task Constraint ในโครงการ
  • ยกเลิกการกำหนด Task Constraint
  • กำหนดเงื่อนไขการจัดแบ่งกลุ่มงาน
    • แบ่งกลุ่มงานแบบเงื่อนไขเดียว
    • แบ่งกลุ่มงานแบบหลายเงื่อนไข
    • ยกเลิกการแบ่งกลุ่มงานแบบหลายเงื่อนไข

บทที่ 8 จัดสรรทรัพยากรให้คุ้มค่า

ทรัพยากรเป็นสิ่งสำคัญที่จะขับเคลื่อนโครงการให้เดินหน้าไปอย่างเต็มประสิทธิภาพ ในบทนี้จะอธิบายถึงวิธีการจัดสรรทรัพยากรบุคคล, แรงงาน, เครื่องมือ, ค่าใช้จ่าย และต้นทุน ให้อยู่ในแผนงานที่เหมาะสมกับโครงการ รวมถึงการตรวจสอบการใช้งานทรัพยากรในโครงการด้วย

  • กำหนดทรัพยากรให้กับงาน
  • เพิ่มทรัพยากรใหม่ลงในโครงการ
  • กำหนดชื่อย่อและกลุ่มของทรัพยากร
  • สร้างคลังทรัพยากร (Resource Pool)
  • จัดสรรทรัพยากรให้กับงาน
    • จัดสรรทรัพยากรด้วยหน้าต่าง Task Sheet
    • จัดสรรทรัพยากรด้วยหน้าต่าง Assign Resources
  • ยกเลิกการจัดสรรทรัพยากร
  • กำหนดวันเริ่มต้นของทรัพยากร
  • ระบุค่าใช้จ่ายของทรัพยากร
  • กำหนดวิธีชำระเงิน
  • ตรวจสอบการใช้งานทรัพยากรเพื่อความคล่องตัว
    • ตรวจสอบปริมาณการใช้ทรัพยากร
    • ตรวจสอบรายชื่อทรัพยากรที่ใช้งานเกินขีดจำกัด
    • ตรวจสอบเปอร์เซ็นต์การใช้ทรัพยากรแต่ละชนิด

บทที่ 9 แก้ไขปัญหาการใช้ทรัพยากร

เมื่อจัดสรรทรัพยากรในโครงการเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ก็อาจเกิดปัญหาขึ้นได้ระหว่างที่กำลังทำงาน เราสามารถแก้ไขปัญหาการใช้ทรัพยากรในโครงการโดยใช้เครื่องมือต่างๆ ได้ เช่น Resource Usage หรือ Resource Graph เป็นต้น รวมถึงการใช้วิธีปรับเปลี่ยนแผนงานในโครงการร่วมด้วยอีกทางหนึ่ง

  • ใช้ Resource Usage ตรวจสอบชั่วโมงการใช้งานทรัพยากร
  • ใช้ Resource Graph ตรวจสอบการใช้งานทรัพยากรที่เกินขีดความสามารถ
  • ปรับมุมมองหน้าต่างให้แสดงข้อมูลตามต้องการ
  • แก้ไขปัญหาที่เกิดจากการทำงานและปรับแผนงาน
    • เพิ่มแรงงานให้มากกว่าเดิม
    • ปรับเปลี่ยนวันสิ้นสุด
    • เปลี่ยนชนิดของทรัพยากร
    • ปรับชั่วโมงการทำงานนอกเวลา

บทที่ 10 แก้ไขความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในโครงการ

ทุกโครงการล้วนมีความเสี่ยงที่งานจะเสร็จช้ากว่าที่ตั้งใจเอาไว้ แต่เราสามารถตรวจสอบตารางเวลาในโครงการเพื่อแก้ไขปัญหางานวิกฤต (Critical Tasks) และเส้นทางวิกฤต (Critical Path) ซึ่งในบทนี้จะบอกขั้นตอนที่จะพาโครงการหลีกเลี่ยงจากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

  • งานวิกฤต (Critical Tasks) และเส้นทางวิกฤต (Critical Path)
  • แนวทางการป้องกันงานวิกฤต
  • กำหนดรูปแบบของงานวิกฤต
  • วิธีจัดการกับงานวิกฤต
  • การแก้ไขงานวิกฤต
    • ตั้งค่าระยะเวลาให้ลอยตัว
    • เพิ่มจำนวนคนให้มากขึ้น
    • ปรับเปลี่ยนงานในแบบขั้นบันได (Laddering)
    • เพิ่มชั่วโมงทำงานนอกเวลา (Overtime)
    • เพิ่มระยะเวลาลอยตัว (Slack Time)
  • แนวทางการจัดการความเสี่ยง
    • ติดตามความคืบหน้าแบบใกล้ชิด
    • ประเมินความเสี่ยงก่อนที่จะสายเกินไป

บทที่ 11 ติดตามความคืบหน้าและประเมินผล

มาติดตามความคืบหน้าของโครงการได้ด้วย Baseline รวมถึงบันทึกความคืบหน้าของโครงการผ่าน % Complete และการประเมินผลโครงการโดยใช้ Progress Lines หรือ Interim Plan เพื่อช่วยให้การปฏิบัติงานมีความแม่นยำมากที่สุด

  • ประโยชน์ที่ได้รับจากการติดตามโครงการ
  • สร้าง Baseline เพื่อตรวจสอบความก้าวหน้า
  • กำหนดสถานะวันที่ด้วย Status Date
  • กำหนดความคืบหน้าของงาน
  • ใช้ Resource Usage กำหนดความคืบหน้าของทรัพยากร
  • ตรวจสอบพร้อมกำหนดความคืบหน้างานในแต่ละวัน
  • ตรวจสอบพร้อมกำหนดความคืบหน้าโครงการ
  • บันทึกความก้าวหน้าของโครงการด้วย % Complete
  • ใช้ Progress Lines ตรวจสอบความคืบหน้าหรือความล่าช้าของงาน
    • การอ่านเส้น Progress Lines
    • วิธีลบเส้น Progress Lines
  • เปรียบเทียบแผนงาน ต้องใช้ Interim Plan
  • แสดงภาพรวมโครงการด้วย Project Statistic
  • แสดงช่อง Task Summary Name

บทที่ 12 การกรองและเรียงลำดับข้อมูล

โครงการที่มีขนาดใหญ่ๆ ตัวอย่างเช่น โครงการสร้างบ้าน เราสามารถใช้วิธีการกรองข้อมูลและการเรียงลำดับข้อมูล เพื่อเลือกดูเฉพาะข้อมูลที่ต้องการได้ จะได้ทราบว่าตอนนี้โครงการดำเนินงานสำเร็จไปกี่เปอร์เซ็นต์ หรือใช้งานทรัพยากรไปแล้วเท่าไหร่ จะได้แก้ไขหรือปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับงาน

  • ประโยชน์ที่ได้รับจากการกรองข้อมูล
  • ขั้นตอนการกรองข้อมูลโดยใช้ Filter
    • ยกเลิกการใช้ Filter
    • การใช้ Filter อื่นๆ
  • วิธีกำหนดเงื่อนไขการกรองข้อมูล
  • การกรองข้อมูลด้วย AutoFilter
  • ประยุกต์ใช้งาน Filter และ AutoFilter
  • การจัดเรียงลำดับข้อมูล

บทที่ 13 ควบคุมงบประมาณและค่าใช้จ่ายของโครงการ

งบประมาณ หรือค่าใช้จ่ายของโครงการถือเป็นปัจจัยสำคัญ เพราะถ้าไม่ควบคุม โครงการของเราอาจมีราคาสูงเกินงบประมาณที่ได้ตั้งเอาไว้ ถ้าเราสามารถควบคุมงบประมาณและค่าใช้จ่ายต่างๆ ในโครงการให้เป็นไปตามแผนงานได้ โอกาสที่โครงการจะประสบความสำเร็จย่อมมีมากขึ้นตามไปด้วย

  • ตรวจสอบค่าใช้จ่ายของโครงการ
    • กำหนดการตรวจสอบงบประมาณ
    • กำหนดการตรวจสอบค่าใช้จ่ายของทรัพยากรต่องาน
    • ยกเลิกการแสดงผลการจัดกลุ่มทรัพยากร
  • กำหนดการตรวจสอบค่าใช้จ่ายทรัพยากรด้วยกราฟ
  • ตรวจสอบข้อมูลทางบัญชีและการเงินด้วย Earned Value
  • ปรับค่าใช้จ่ายให้ตรงกับความเป็นจริง
  • จัดทำข้อมูลเพื่อนำเสนอรายงานทางการเงินด้วยโปรแกรม MS-Excel
  • สร้าง PivotTable สำหรับนำเสนอข้อมูล

บทที่ 14 สร้างรายงานและพิมพ์รายงาน

เมื่อโครงการอยู่ในระหว่างลงมือทำ ผู้บริหารและทีมงานอาจไม่สะดวกที่จะเปิดดูบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ก็สามารถเลือกพิมพ์รายงานออกมาเพื่อดูภาพรวมของโครงการทั้งหมดว่ามีข้อมูลใดบ้าง เช่น ความคืบหน้าโครงการ, การดำเนินงาน, ค่าใช้จ่าย หรือทรัพยากรต่างๆ เป็นต้น

  • สร้างรายงานพร้อมพิมพ์ด้วย Report
  • ออกแบบและสร้างรายงานใหม่
  • แสดงชาร์ตแบบ Network Diagram
  • แสดงรายงานบนหน้าจอด้วย Visual Reports
  • การปรับแต่งรายงาน
  • แสดงรายละเอียดข้อมูลด้วย PivotTable
  • สั่งพิมพ์รายงานผ่านพรินเตอร์
  • พิมพ์รายงานในรูปแบบไฟล์ PDF

บทที่ 15 ใช้งาน MS-Project ร่วมกับโปรแกรมและบริการอื่นๆ

เราสามารถใช้ MS-Project ทำงานร่วมกับโปรแกรมและบริการอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี เช่น ใช้ร่วมกับ MS-Excel, MS-PowerPoint หรือแบ่งปันข้อมูลโครงการผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต การซิงค์กับ Project Online และ Project Server Sync รวมถึงการบันทึกไฟล์โครงการในหลายๆ ลักษณะเพื่อนำไปใช้งานตามความต้องการ

  • นำข้อมูลจาก MS-Project ไปใช้ใน MS-Excel
  • นำสไลด์จาก MS-PowerPoint มาใช้งาน
  • ส่งออกข้อมูลโครงการในรูปแบบเอกสาร PDF
  • ส่งออกไฟล์โครงการให้เป็นไฟล์ประเภทอื่นๆ
  • สร้างรหัสผ่านเพิ่มความปลอดภัยให้กับไฟล์โครงการ
  • การซิงค์กับ Project Online และ Project Server Sync
    • วิธีที่ 1 การซิงค์เปิดไฟล์ MS-Project ผ่านเว็บไซต์ SharePoint
    • วิธีที่ 2 การซิงค์ MS-Project ด้วย SharePoint
  • เปิดใช้งานผ่าน Microsoft 365

แสดงรายการหนังสือ | สั่งซื้อหนังสือ


Copyrights © 2006-3006, Witty Group Co., Ltd.